10 แอปเรียนภาษา ที่ควรมีติดเครื่อง

ในตอนนี้ภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับการสื่อสารในยุคนี้ทั้งในเรื่องของการทำงาน ท่องเที่ยว หรือการเรียน ภาษาต่าง ๆ ก็เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก และคนที่ได้ภาษามากกว่าก็จะได้เปรียบมากกว่าคนอื่น ยิ่งได้มากกว่า 3 ภาษาก็ยิ่งดีมาก ๆ ในสมัยนี้ ถ้าเรานั้นมีสกิลภาษาที่แข็งแรง และสามารถสื่อสารได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง จะไปทำงานที่ไหนก็สื่อสารได้ แถมยังสามารถเอาไปอัพเงินเดือนได้แบบสบาย ๆ  การเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุดและก็ต้องคอยพัฒนาตัวเองตลอดเวลาอีกด้วย วันนี้เราจะมาแนะนำ 10 แอปเรียนภาษา ที่ควรมีติดเครื่อง อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ ภาษาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอย่างแน่นอน จะมีแอปอะไรน่าโหลดมาติดเครื่องบ้างไปดูกัน

Duolingo

เป็นแอปที่ให้บริการฟรี เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาทุกคนที่อยากทดลองเข้ามาเรียนก่อน ซึ่ง Duolingo นี้เป็นแอปที่มีการเรียนที่สนุก ไม่น่าเบื่อ เพิ่มความสนุกให้กับผู้เรียน เพราะมีการสอนแบบ Gamified ที่จะช่วยให้ผู้เรียนไม่เบื่ออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างของบทเรียนที่ผู้เนจะต้องเรียนไปที่ละบทเพื่อปลดล็อคชาเลนจ์ใหม่ ๆ ของบืทเรียนต่อ ๆ ไป

Duolingo เป็นแอปที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของการเรียนภาษา มีการสอนในเรื่องที่ยากและซับซ้อนให้เข้าใจง่าย และทำให้น่าเรียนรู้มากกว่าเดิม สามารถเลือกภาษาได้มากถึง 35 ภาษาเลยทีเดียว Duolingo จะเริ่มสอนตั้งแต่การสะกดคำ ออกเสียง และประโยคต่าง ๆ รวมไปถึงการสนทนาในทุกสถานการณ์ มีการนำสถานการณ์ในชีวิตจริงมาให้ผู้เรียนได้อ่าน ได้ฟัง เพื่อที่จะเข้าบริบทของตัวประโยคมากยิ่งขึ้น และใครที่ชอบเข้าฟังการพูดคุยในไลฟ์อีเว้นท์ที่จัดตามภาษาที่ตนเองสนใจได้เลยและที่มากไปกว่านั้นคือแอปนี้ยังมีพจนานุกรมให้ผู้เรียนได้ใช้ในการเรียนรู้ทั้งคำแปล รูปแบบการใช้ต่าง ๆ ให้ผู้เรียนได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ราคาค่าเรียน

ฟรี :  สำหรับผู้ที่เรียนแบบ Learning Content 

Plus : 264  บาท ต่อเดือน : สำหรับคนที่เรียนแบบ learning content, practice mistakes, no ads, quizzes, unlimited test-outs, and unlimited hearts

Busuu

Buusu มีบทเรียนตั้งแต่เริ่มต้นจนไปถึงแบบธุรกิจ สามารถเรียนได้ทุกช่วงวัยตั้งแต่นักเรียนจนไปถึงวัยทำงาน Buusu มีแพ็คเกจให้เลือกเรียนมากมายทั้งการเรียนแบบบุคคล คำศัพท์ ไวยกรณ์ รวมไปถึงการฝึกกับเจ้าของภาษา เรียกได้ว่าเป็นแอปที่ช่วยในเรื่องของภาษาได้เยอะมาก ๆ มีหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการอีกด้วย 

ถ้าผู้เรียนอยากจะสมัครเรียนก็สามารถไปลงทะเบียนเอาไว้ และทาง Buusu จะแจ้งวันมาให้เพื่อไปสอบวัดระดับภาษา เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวผู้เล่นอยู่ระดับไหน จะได้เลือกคอร์สเรียนได้ถูกต้องและเหมาะสมนั่นเอง ไม่ต้องกลัวว่าจะเรียนไม่คุ้มเพราะ Buusu นี้มีหลักสูตรที่ครบครันตั้งแต่การสะกด ไวยกรณ์ การสนทนา การฟัง และอื่นๆ  อีกมากมายที่รับรองได้ว่าจะคุ้มค่ากับการเข้าไปเรียนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ผู้เรียนยังสามารถเรียนรู้โดยการฟัง Podcast ของทาง Buusu ได้หรือจะอ่านบทความของทาง Buusu เพื่อที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาสกิลภาษาของตนเองได้อย่างเต็มที่ หรือจะไปพูดคุยกับเจ้าของภาษาที่ทาง Buusu เตรียมไว้ให้ก็ได้ Buusu ก็มีความคล้ายคลึงกับ Duolingo อยู่บ้างในด้านของหมวดหมู่การเรียน หัวข้อต่าง ๆ มีแบบฝึกหัดหัดให้ทำ ได้ใช้ภาษาจริง ๆ Buusu อาจจะมีภาษาให้เลือกได้เยอะไม่เท่า Duolingo แต่ในเรื่องคุณภาพของการเรียนก็ไม่แพ้กันเลย

ราคาค่าเรียน

ฟรี :  สำหรับการเรียน 1 ภาษา 

Premium : 110 บาท ต่อเดือน : 1 ภาษา , offline mode, grammar lessons, AI-powered review

Premium Plus : 126 บาท ต่อเดือน : 12 ภาษา + the features in Premium + personalized study plan, community of native speakers, and official tests

Babbel

Babbel เป็นแอปที่มีการเรียนการสอนแบบคลาสสิก บทเรียนมีตั้งแต่พื้นฐานเป็นต้นไปอย่างเล่นการเขียนจดหมาย การแนะนำตัว การทักทายเป็นต้น ส่วนมากแล้ว Babbel จะสอนในหลักสูตรที่สามารถใช้ในชีวิตจริงได้ และอิงมาจากสถานการณ์ในชีวิตจริงซะส่วนใหญ่ เช่น ธุรกิจ วัฒนธรรม การเดินทาง เป็นต้น และทาง Babbel ก็มีหลักสูตรแบบฟรีและเสียเงินให้มาเลือกเรียนกัน ทั้งสองแบบนี้ก็จะแตกต่างในด้านของความหลากหลายของหลักสูตร ถ้าอยากได้ครบแบบจัดเต็มให้เลือกเรียนแบบ Premium จะดีที่สุด

ต้องบอกก่อนว่า Babbel นั้นใช้ interface แบบเก่า ทำให้เว็บไม่ได้ดูทันสมัยมากนักเมื่อเทียบกับเว็บอื่น ๆ และบทเรียนก็ไม่ได้จัดเป็นหมวกหมู่ได้ดีที่เท่า Duolingo แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร บทเรียนก็มีครบทั้งการฟัง การใช้เสียงในการสอน การแชท รวมไปถึงเกมที่ให้เล่นภายในบทเรียนก็ยังมีให้เล่นกันแบบสนุก ๆ ถึงจะไม่เยอะแต่ก็พอท่จะใช้งานได้ในระดับนึง ถ้าเทียบกับแอปอื่นแล้ว Babbel ก็ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมาก แต่ถ้าอยากลองเรียนแบบคลาสสิก การสอนแบบง่าย ๆ แพลตฟอร์มไม่หวือหว่า Babbel ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ควรลอง

ราคาค่าเรียน

ฟรี : บทเรียนแบบพื้นฐาน

1 เดือน : 375 บาท ต่อเดือน

3 เดือน : 252 บาท ต่อเดือน

6 เดือน : 210 บาท ต่อเดือน

12 เดือน : 187 บาท ต่อเดือน

Mondly

Mondly เป็นแอปที่มีภาษาให้เรียนรู้มากถึง 40 ภาษา มีหลักสูตรที่สอนเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตทั่วไป มีคำศัพท์และบทสนทนาจริง ๆ ให้เรียนรู้ และยังมีการสอนไวยกรณ์อีกด้วย ในแต่ละวันก็สามารถเลือกเรียรนได้เลยว่าอยากจะเรียนหัวข้อไหน เพราะมีทั้งหมด 50 หัวข้อให้เลือกเรียน

Mondly มีให้บริการให้กับผู้เรียนทั่ว ๆ ไปและยังมีให้บริการกับบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการใช้เพื่อทำงานอีกด้วย ข้อเสียของ Mondly ก็คือ ผู้เรียนไม่สามรถเห็นหมวดหมู่ในการเรียนได้ ผู้ใช้ต้องอัปเกรดให้เป็น Premium ก่อนถึงจะสามารถเข้าถึงหลักสูตรแบบรายวัน รวมไปถึงแบบทดสอบรายสัปดาห์ และรายเดือน มีการแชทคุยกับบอทของทาง Mondly เพื่อที่จะได้ฝึกภาษาได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ราคาค่าเรียน

ฟรี : บทเรียนแบบพื้นฐาน

1 เดือน : 377 บาท ต่อเดือน : สำหรับการเรียน 1 ภาษา 

12 เดือน : 188 บาท ต่อเดือน : สำหรับการเรียน 1 ภาษา 

12 เดือน : 1,814 บาท ต่อเดือน : สำหรับเรียน 33 ภาษา

Memries

Memries มีภาษาให้ได้เลือกเรียนมากกว่า 20 ภาษา หน้าเว็บทันสมัยใช้งานง่าย มีการสอนที่น่าสนใจ ทำให้ผู้เรียนไม่เบื่อระหว่างการเรียน และที่สำคัญผู้เรียนจะต้องเรียนไปทีละบท และต้องเรียนให้จบเพื่อที่จะได้ปลอดล็อคไปเรียนบทต่อ ๆ ไป แต่ไม่ใช่ว่าเรียนจบและจะได้แค่บทเรียนใหม่อย่างเดียวทาง Memries ก็ยังมีรางววัลให้กับผู้เรียนอีกด้วย เช่น ส่วนลด เป็นต้น นอกจากนี้ Memries ยังมีบอร์ดเอาไว้โชว์ตำแหน่งของผู้เรียนในทุก ๆ สัปดาห์อีกด้วย

Memries มีหลักสูตรมากมายที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เอาตัวรอดในชีวิตจริงได้ และยังมีการสอนตั้งแต่พื้นฐานทำให้ผู้เรียนเข้าใจไปอย่างช้าๆ และแม่นยำ เรียกง่ายไ  ว่าเริ่มเรียนตั้งแต่ตัวเลข ไวยกรณ์ สำนวน กันไปเลยทีเดียว และแต่ละหลักสูตรก็ยังมีระดับความก้าวหน้าของผู้เรียนได้ดูกัน และที่มากไปกว่านั้นคือ Memries สามารถสร้างกลุ่มมาเพื่อพูดคุยในหัวข้อต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ราคาค่าเรียน

ฟรี : บทเรียนแบบพื้นฐาน

1 เดือน : 320 บาท

รายปี : 94 บาท

ตลอดชีพ : 4,536 บาท

LingoDeer

LingoDeer เป็นแอปภาษาที่มีการสอนที่ง่ายและสามารถเอาไปใช้ได้จริง ผู้เรียนสามารถตกแต่งแดชบอร์ดของตนเองได้แล้วยังเลือกคนสอนได้อีกด้วย LingoDeer มีการสอนแบบใช้ แฟรชการ์ด ที่จะช่วยให้ผู้เรียรจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น ผู้เรียนสามารถดาวโหลด แฟรชการ์ด ลงในมือถือได้ เพื่อที่จะเอาไปฝึกฝนเวลาว่างได้แบบฟรี ๆ มีการสอนตั้งแต่ทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ครบทุกแบบและยังสามารถชวนเพื่อน ๆ มาร่วมทดสอบภายในแอปได้อีกด้วย

LingoDeer สามารถเข้าเรียนแบบออฟไลน์ได้ มีแบบทดสอบแบบจับเวลาเพ่อทดสอบความรู้ของตัวผู้เนียนเอง เพื่อที่จะได้ตั้งเป้าหมายประจำวันและเลื่อนขั้นของหลักสูตร นอกจากนี้ยังได้รู้มากขึ้นเกี่ยวกับทักษะภาษาของตนเอง เพื่อที่จะได้เรียนได้อย่างถูกหลักสูตร และพัฒนาด้านภาษาได้อย่างถูกจุด

ราคาค่าเรียน

รายเดือน : 566 บาท

4 เดือน : 1,511 บาท

รายปี : 3,024 บาท

ตลอดชีพ : 6,048 บาท

Rosetta Stone

Rosetta Stone เป็นแอปเรียนภาษาที่ดีที่สุด มีให้เลือกเรียนมากกว่า 25 ภาษา แต่แอปนี้ไม่ได้เปิดให้ใช้บริการฟรี ต้องสมัครเป็น Premium เท่านั้น มีการสอนโดยอ้างอิงจากสถานการณ์จริง มีการโต้ตอบกันในชั้นเรียน และสอนโดยเจ้าของภาษา เรียนแบบออนไลน์สด ๆ สอบถามได้เมื่อสงสัย ถือว่าเป็นการเรียนที่น่าสนใจมาก ๆ เลยหล่ะ

Rosetta Stone สามารถสมัครได้ทางแอปโดยตรง เมื่อสมัครแล้วจะได้สามารถเข้าถึงบทเรียนได้ทันทีทั้งแบบทักษะการพูด อ่าน เขียน ละฟัง ข้อดีสุด ๆ ของ Rosetta Stone ก็คือการที่ผู้เรียนสามารถโต้ตอบกับผู้สอนได้ตลอดเวลา มีการสอนที่สามารถใช้ได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ และนอกจากนี้ยังสามารถดาวโหลดบทเรียนต่าง ๆ เก็บไว้ได้ เพื่อที่จะได้มาเรียนในภายหลังได้นั่นเอง

ราคาค่าเรียน

3 เดือน : 455 บาท

รายปี : 370 บาท

ตลอดชีพ : 6,797 บาท

HelloTalk

 HelloTalk เป็นแอปการสอนที่ผู้เรียนสามารถเรียนกับเจ้าของภาษาโดยตรงได้เลย และมีภาษารองรับกว่า 150 ภาษา และนอกจากนี้ยังมีสมาชิกที่เข้ามาใช้บริการของ HelloTalk มากกว่า 30 ล้านคนทั่วโลกอีกด้วย ผู้เรียนสามารถพูดคุยกับคนอื่นได้ โดยใช้ภาษาที่เรียนมาเป็นการสื่อสาร นอกจากจะได้ฝึกแล้วยังได้เพื่อนใหม่อีกหลายหลายคนเลยหล่ะ

ในส่วนของการพูดคุยกับเพื่อต่างชาติผ่าน HelloTalk ผู้เรียนสามารถเลือกได้หลากหลายแบบเช่น จะคุยแบบข้อความ เสียง หรือแบบวีดีโอ ก็เลือกได้หมด HelloTalk มีการแก้ไข และการแปล เพื่อช่วยให้บทสนทนาระหว่างผู้เรียนและเพื่อนต่างชาติราบรื่นและเข้าใจง่ายอีกด้วย ผู้เรียนยังสามารถโพสสิ่งต่าง ๆ ที่หน้าแดชบอร์ดของตนเองเพื่อที่ผู้เรียนคนอื่นจะได้มาแสดงความคิดเห็นและพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้แบบชิล ๆ เราจึงยกให้ HelloTalk เป็นแอปการเรียนที่ได้มาตรฐาน และเป็นแอปที่ได้มากกความรู้ ใครสนใจก็เข้าไปสมัครได้เลย

ราคาค่าเรียน

Free

Drops

Drops เป็นอีกหนึ่งแอปที่มีการเรียนภาษาที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ มีภาษาให้เลือกถึง 35 ภาษา และมีการเรียนการสอนที่สนุกสนาน ทำให้ไม่เบื่อ และยังมีหน้าเว็บที่ใช้งานง่ายแถมยังทันสมัยอีกด้วย Drops เป็นแอปที่เสียเงิน แต่ก็ยังมีช่วงให้ทดลองเรียนฟรี 7 วัน ถ้าใครอยากลองก็เข้ามาลองก่อนได้ ถ้าถูกใจก็สมัครเข้าเรียนได้เลย

ก่อนเริ่มเรียนนั้น ผู้เรียนต้องเลือกหมวดหมู่ที่น่าสนใจ และเวลาเรียนที่ต้องการ Drops จะแนะนำมาเลยว่าผู้เรียนเหมาะกับหลักสูตรไหน เวลาไหน ในบทเรียนต่าง ๆ ก็จะมีเกมให้เล่นสนุก ๆ และยังมีรางวัลพิเศษในการปลอดล็อคในแต่ละบทเรียนอีกด้วย เพิ่มความสนุกและตื่นเต้นไปอีกแบบ

หมวดหมู่การเรียนของ Drops มีให้เลือกเรียนมากกว่า 90 หัวข้อที่มีหลากหลายสภานะการณ์ได้เลือกเรียน นากจาก Drops จะมีหลักสูตรให้กับผู้เรียนทั่วไปแล้ว ยังมีหลักสูตรสำหรับบริษัทที่ต้องการให้พนักงานเรียนอีกด้วย

ราคาค่าเรียน

รายเดือน : 322 บาท

รายปี : 189 บาท

ตลอดชีพ : 5,695 บาท

Lirica

Lirca เป็นแอปการเรียนที่มีการสอนแบบคลาสสิค สอนผ่านการฟังเพลง และเรื่องราวต่าง ๆ มีการอธิบายเนื้อเพลง มีการอธิบายเรื่องไวยกรณ์ต่าง ๆ การใช้คำให้ผู้เรียนได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น แต่ Lirca เป็นแอปที่มีเพียงแค่ภาษา สเปน อังกฤษ และเยอรมันเท่านั้น ภาษาอื่น ๆ อาจจมีมาเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ใครที่ชอบการเรียนการสอบบคลาสสิค และผ่านเนื้อเพลง ผ่านเรื่องราว Lirca ก็เป็นแอปที่ตอบโจทย์เลยทีเดียวหล่ะ

ราคาค่าเรียน

ฟรี : บทเรียนแบบพื้นฐาน

1 เดือน : 378 บาท

3 เดือน : 869 บาท

รายปี : 1,209 บาท

ทั้ง 10 แอปนี้ก็เป็นแอปที่เราอยากแนะนำให้คนที่ต้องการเรียนรู้ในภาษาทุกคนได้เอาไปใช้กัน เราเชื่อว่าเพียงไม่กี่เดือนภาษาของทุกคนจะพัฒนาอย่างแน่นอน เรียนที่ไหนก็ได้เมื่อมีเวลาว่าง แถมยังไม่ต้องเดินทางไปเรียนข้างนอกให้เสียพลังงานอีก

ติดต่อเรา